ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ จริงหรือไม่?

ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ ได้จริงหรือไม่? ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยชุดใด ที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ ได้จริงหรือไม่? ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยชุดใด ที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้คนเลิกบุหรี่ได้จริง เช่นกันกับในแง่ของความปลอดภัยที่ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ทั้งนี้มีตัวอย่าง ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ ในประเทศอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้า โดยได้มีการทำการทดลองเก็บข้อมูล

โดยการนำเอาผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่จำนวน 890 ราย มาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งให้กลุ่มแรกนั้นทำการเลิกบุหรี่ด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนอีกกลุ่มให้ทำการเลิกบุหรี่ด้วยการรับยาเลิกบุหรี่ โดยทั้ง 2 กลุ่มเข้ารับการทดลองต่อเนื่อง 3 เดือน ควบคู่กันไปกับการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมเพื่อเลิกบุหรี่ จนกระทั่งครบ 1 ปี ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้ 18% ส่วนในกลุ่มที่ใช้ยาสามารถเลิกบุหรี่ได้ 9.9%

ซึ่งจากตัวเลขนี้อาจทำให้เราเห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นช่วยเลิกบุหรี่ได้ดีกว่า แต่ทว่าการติดตามผลวิจัยนี้ต่อมาพบว่า ใน 18% ของกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า มี 80% กลับไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ส่วนในกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยยาพบว่า 90% เลิกบุหรี่ขาดได้เลยและไม่ต้องใช้ยาเลิกบุหรี่อีกด้วย ดังนั้นจากผลวิจัยนี้จึงอาจสรุปได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง แต่กลายเป็นว่าเราจะหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ซึ่งคำถามต่อมาคือ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่? เพราะถ้าอันตรายการหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้า ก็อันตรายเช่นกัน

ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ ได้จริงหรือไม่? ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยชุดใด ที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเสี่ยงภัยอะไรหรือเปล่า?

หากเทียบกันตรงๆ แล้ว บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง เพราะบุหรี่ธรรมดานอกจากนิโคตินที่ทำให้ติดแล้ว ยังมีสารอื่นๆ อยู่อีกมากถึง 7,357 ชนิด ซึ่งจากสารทั้งหมดนั้นมีอยู่อย่างน้อย 70 ชนิดที่เป็นสาเหตุสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้แน่นอน แต่สำหรับในบุหรี่ไฟฟ้าก็ใช่ว่า จะไม่มีอันตรายเลยเพราะก็ประกอบด้วยสารระเหยอื่นๆ เช่นกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลวิจัยออกมาที่แน่ชัดเหมือนกับบุหรี่ธรรมดาว่าสารใดเป็นอันตรายแค่ไหนอย่างไร

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าคือการสูดควันเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่ว่าจะมาจากสารใดก็ตาม ควันคือสิ่งแปลกปลอม สิ่งผิดปกติ ดังนั้นเมื่อสูบเข้าไปในร่างกาย ย่อมอนุมานได้ว่าไม่ดีแน่ๆ ยิ่งถ้าสูบเข้าไปในปริมาณมากๆ นานๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดอันตรายได้ หรือบางคนแม้จะสูบน้อย แต่ก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของแต่ละคนในการตอบสนองต่อสารนั้นๆ

ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนกับคนที่ดื่มเหล้าแก้วเดียวแล้วเมา กับบางคนดื่มเหล้าเป็นสิบๆ แก้วยังไม่เมา นั่นทำให้เห็นว่า สูบมากสูบน้อยก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน หรือในกรณีที่หลายคนแย้งว่าในบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีนิโคตินน้อยกว่า ไม่เป็นอันตรายเท่ากับบุหรี่ ประเด็นนี้ก็ไม่ถือว่าผิด 

แต่ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีนิโคตินน้อยกว่า แต่ถ้าสูบบ่อยกว่า รวมถึงเทคนิคการสูบที่หากสูบแบบอัด ก็ทำให้ได้รับปริมาณนิโคตินที่มากเท่ากับสูบบุหรี่ธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งนิโคตินคือสารให้ความสุขที่ทำให้เรา “เสพติด” สูบแล้วโล่ง สูบแล้วหายเครียด ทำให้เมื่อเราขาดหรือไม่สูบ จะเกิดอาการกระวนกระวาย และนำไปสู่การเสพติดที่สุดท้ายก็นำมาซึ่งโอกาสอันตรายได้ในอนาคต เพราะอย่างไรเสียนิโคตินก็เป็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ดี

ผลวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ ได้จริงหรือไม่? ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ยังไม่มีงานวิจัยชุดใด ที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์

ทำไมคนถึงสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเยอะขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมานิยมบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นก็เพราะ “โฆษณา” ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้านั้นดูน่าดึงดูด คือ นอกจากความเท่ห์ ที่เป็นแฟชั่นแล้ว การใช้ข้อมูลด้านเดียวอย่างเช่นเรื่องไม่มีสารก่อมะเร็ง ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือมีน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา และยังไม่ได้รับการวิจัยที่ครบถ้วน มาเป็นตัวนำเสนอ จึงทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และเมื่อรวมกับการที่ผู้ผลิตสร้างให้บุหรี่ไฟฟ้ามีลูกเล่นที่เยอะกว่าอย่างเรื่องกลิ่นที่มีให้เลือกหลากหลายร้อยกลิ่น จึงยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายเลยที่ทำให้ผู้คนติดบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้นก็เพราะ “นิโคติน” ที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกันกับบุหรี่ธรรมดา ที่เป็นสารเสพติด จึงทำให้เมื่อสูบไปแล้ว สูบบ่อยเข้า ก็กลายเป็นติดในที่สุด

สรุปแล้วบุหรี่ไฟฟ้าดีจริงไหม?

บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง ในแง่ของความอันตราย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ให้ได้ การเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางแก้ไข เพราะจากงานวิจัยตัวอย่างก็จะพบว่า จะทำให้เราหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ดังนั้น ถ้าหากถามว่าหนทางใดดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คำตอบคือ หยุดทั้งคู่ คือต้องหยุดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง คือทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราหยุดจากวงจรของการเสพติดและนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายที่สุดท้ายแล้วในอนาคตก็อาจมีอันตรายต่อชีวิตได้

อยากมีตัวช่วยเลิกบุหรี่ที่มีคุณภาพทางทีมงานเรามีบุหรี่ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์มานำเสนอ ถ้าสนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ LINE ID: @313nxsxw

error: Content is protected !!